เรื่อง เจ็ดหวดเจ็ดไห
ครอบครัวหนึ่งมีลูกอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห เป็นคนที่กินจุ กินข้าวหมดครั้งละเจ็ดหวด กินปลาร้าหมดครั้งละเจ็ดไห วันหนึ่งพ่อกับแม่ไปป่า ก่อนจะไปได้นึ่งข้าวไว้ลูกชายก็กินจนหมด เมื่อกลับบ้านพ่อแม่เห็นดังนั้นจึงปรึกษากันว่า ทำอย่างไรลูกจึงจะพ้นไปจากอกตน เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผู้เป็นพ่อจึงพาลูกไปคล้องช้างในป่า โดยหวังจะให้ช้างเหยียบลูกตาย ลูกกลับคล้องช้างได้จริง ๆ ขี่ช้างกลับมาบ้าน ทำให้พ่อโกรธมาก จึงพาลูกเข้าป่าไปตัดต้นไม้ใหญ่ โดยพ่อจะเป็นผู้โค่นให้ลูกเอาบ่ารับให้ได้ ลูกก็เอาบ่ารับไม้ใหญ่จะทับลูกตายจึงร้องให้พ่อช่วย พ่อก็ไม่ช่วยหนีกลับบ้าน พระอินทร์สงสารเลยลงมาช่วย ลูกชายก็แบกต้นไม้กลับบ้านได้ เมื่อไปถึงบ้านลูกจึงถามพ่อว่าจะให้ลูกวางไม้ไว้ตรงไหน พ่อบอกว่าให้วางไว้ที่ท่าน้ำลูกก็เอาไปวางไว้ ขอนไม้นั้นขวางทางเรือสำเภาที่มาค้าขาย พ่อค้าจึงประกาศให้คนไปช่วยยก โดยจะให้เสื้อผ้าที่บรรทุกสำเภามาเป็นรางวัล ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไหไปยกขอนไม้นั้นได้จึงได้รับรางวัลจากพ่อค้ามากมาย จึงหอบเสื้อผ้าที่พ่อค้าให้กลับบ้านไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่มีความสุขดังเดิม
เรื่องนางสิบสอง
มีผัวเมียคู่หนึ่งมีลูกด้วยกัน ๑๒ คน พ่อแม่ยากจนมากจนไม่สามารถจะหาอะไรมาให้ลูกกินได้ เมื่อขุดได้เผือกได้มันมาลูกก็กินจนหมด จนตัวเองไม่ได้กิน พ่อแม่จึงปรึกษากันที่จะเอาลูกไปปล่อย จึงพาลูกเข้าไปในป่า เมื่อลูกเดินทางเข้าไปในป่าลึก พ่อก็ถามว่า ตรงนี้จำได้ไหม ลูกตอบว่า จำได้ พ่อก็จะพาเดินลึกเข้าไปอีก แล้วก็ถามว่า ตรงนี้จำได้ไหม ลูกตอบว่า จำได้พ่อก็พาเดินลึกเข้าไปอีกแล้วก็ถามดังเดิม จนกระทั่งลูกตอบว่า จำไม่ได้ พ่อกับแม่จึงวางอุบายว่าให้รออยู่ที่นี่ พ่อกับแม่จะไปถ่ายอุจจาระ แล้วก็หนีกลับบ้านไป ต่อมาฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ผัวเมียทำนาได้ข้าวมากทั้งอาหารก็บริบูรณ์จึงคิดถึงลูกพากันไปรับลูกกลับบ้าน แต่พอไปถึงป่าก็พูดจากับลูกไม่รู้เรื่องเพราะเด็กพวกนี้อยู่ป่ามานานเกินไปจึงพูดจากันแทบจะไม่รู้เรื่อง พ่อแม่จึงจำใจต้องกลับปล่อยให้ลูกของตนอยู่ในป่าจนกลายเป็นลิงไป
นิทานอธิบายสถานที่
ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เจ้าเมืองเมืองหนึ่งมีโอรสชื่อ เจ้าชายพิจิตร เมื่อเจ้าชายพิจิตรมีพระชนมายุได้ ๑๖ ปี โหรได้ทำนายว่าเนื้อคู่ของเจ้าชายขณะนี้ยังอยู่ในครรภ์เป็นคนธรรมดาสามัญ แต่มีบุญวาสนาขณะที่อยู่ในครรภ์ของมารดาจะมีกลดกั้นไม่ให้ถูกแสงแดด พระบิดาของเจ้าชายจึงได้บอกให้เจ้าชายพิจิตรออกตามหาเนื้อคู่ของพระองค์ เจ้าชายจึงออกเดินทางจนถึงบ้านกางตำรา เจ้าชายพิจิตรเห็นนางสายบัวกับสามีกำลังดำนาอยู่ พระอาทิตย์ทรงกลดอยู่เหนือศรีษะนาง ต้องตามลักษณะมารดาเนื้อคู่ของเจ้าชาย เจ้าชายจึงปลอมเป็นคนธรรมดาขออาศัยอยู่ด้วยจนกระทั่งนางสายบัวคลอดลูกชื่อว่า อรพิมพ์ เจ้าชายพิจิตรได้ช่วยเลี้ยงดูทารกจนกระทั่งอายุได้ ๑๖ ปี เจ้าชายจึงบอกความจริงแก่ยายสายบัวและสามีพร้อมกับขอหมั้นนาง สองสามีภรรยาก็ตกลง เจ้าชายก็เสด็จกลับบ้านเมืองของพระองค์เพื่อจะไปแต่งขันหมากมาสู่ขอตามประเพณี
ทางฝ่ายนางอรพิมพ์ซึ่งอยู่ในเขตเมืองของพระเจ้าพรหมทัต พระองค์ยังไม่มีมเหสีเช่นกัน ได้มาพบกับนางอรพิมพ์ก็เกิดความพอพระทัย จึงไปบังคับนางมาเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับตน เมื่อเจ้าชายพิจิตรนำขบวนแห่ขันหมากมาได้ทราบข่าวร้ายนี้เข้าก็กริ้วท้าวพรหมทัต ถึงกับถีบรถขันหมากลงห้วยไป ตรงที่เจ้าชายถีบรถลงนั้นเรียกว่า บ้านกงรถ และลำคลองที่ถีบขันหมากลงก็เรียกว่า ลำปลายมาศ แล้วเจ้าชายก็ลอบเข้าไปในวังท้าวพรหมทัตโดยบอกนายประตูว่าเป็นพี่ชายของนางอรพิมพ์มาเยี่ยม เมื่อนายประตูไปกราบทูลข่าวให้ท้าวพรหมทัตกับนางอรพิมพ์ทราบก็เสด็จออกมาต้อนรับ พอนางอรพิมพ์เห็นท้าวพิจิตรก็ร้องว่า "พี่มาหรือ" เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า เมืองพิมาย พอเย็นท้าวพรหมทัตก็จัดเลี้ยงอาหารแก่เจ้าชายพิจิตร ท้าวพรหมทัตเสพสุราจนเมาหมดสติไป เจ้าชายพิจิตรก็ลอบปลงพระชนม์ท้าวพรหมทัตเสีย แล้วพานางอรพิมพ์หนีออกมาเดินทางเพื่อจะกลับบ้านเมืองของเจ้าชายพิจิตร ครั้นมาถึงที่มีแม่น้ำขวางหน้าอยู่ก็คิดหาวิธีที่จะข้ามไปก็พอดีเจอเณรน้อยพายเรือมา จึงได้ขออาศัยข้ามไป แต่เณรนั้นเมื่อเห็นนางอรพิมพ์ก็เปิดปฏิพัทธ์รักใคร่ ก็ได้ออกอุบายว่า เรือนี่เล็กถ้าจะข้ามไปก็ต้องไปทีละคนถึงจะข้ามได้ เจ้าชายพิจิตรก็ให้นางอรพิมพ์ข้ามไปก่อน แต่พอนางอรพิมพ์ลงเรือเณรกลับพานางอรพิมพ์พายเรือหนีไป เมื่อพายเรือถึงต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมฝั่งน้ำ ผลมะเดื่อสุกเต็มต้น นางอรพิมพ์ก็หลอกให้เณรปีนขึ้นไปยอดสูง ๆ แล้วตก็พายเรือหนีไปแล้วก็สาบเป็นแมลงหวี่อยู่ในผลมะเดื่อมาจนทุกวันนี้
ฝ่ายนางอรพิมพ์เมื่อพายเรือหนีมาได้ เกิดความหิวและเหนื่อยมากและไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีก็ได้แต่ร้องไห้ จนหมู่บ้านนั้นมีชื่อว่า นางร้อง ต่อมาได้แปรมาเรื่อยจนเป็นนางรอง เมื่อเดินมาถึงศาลากลางน้ำของฤาษีตนหนึ่งก็ได้ขึ้นมาขออาศัยอยู่ และก็เฝ้ารอเจ้าชายพิจิตรที่ศาลาทุกวันเพราะคิดว่าเจ้าชายจะต้องตามมาทางน้ำแน่ๆ
ทางเจ้าชายพิจิตร เมื่อเณรพานางอรพิมพ์หนีเช่นนั้นก็โกรธมาก จึงตามมาเรื่อย ๆ ทางเลียบริมน้ำ จนกระทั่งมาพบกันกับนางอรพิมพ์ที่ศาลาของฤาษีจึงได้ขึ้นไปหา เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง และก็ลาฤาษีกลับบ้านเมืองของตน เมื่อมาถึงเมืองก็เข้าเฝ้าพระบิดามารดา และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง พระบิดาก็รับนางอรพิมพ์เป็นพระสุนิสา เมื่อพระบิดาของเจ้าชายสวรรคต เจ้าชายพิจิตรก็ขึ้นครองเมืองแทน เมืองของท้าวพิจิตรก็คือ "เขาพนมรุ้ง" นี่เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น