วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพลงพิธีกรรม

เพลงพิธีกรรมต่าง

             เพลงพิธีกรรมของท้องถิ่นอีสานเป็นพวกเซิ้ง เช่น เซิ้งนางแมว  เซิ้งบั้งไฟ เซิ้งพระเวสสันดร และบทสู่ขวัญบายศรี  ดังได้กล่าวโดยละเอียด

เซิ้งนางแมว

ความหมายเซิ้งนางแมว
             การเซิ้งนางแมวคือการแห่นางแมวขอฝน  ของชาวอีสานที่ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล

วิธีการเซิ้งนางแมว
             คัดเลือกแมวสีดำตัวเมีย - ตัว ใส่ลงในแข่งที่มีฝาปิด โดยฝานั้นโปร่งพอที่น้ำจะกระเซ็นไปถูกแมวได้  นำแมวลงใส่เข่งจะมีการทำพิธีสักการะป่าวอัญเชิญเทวดามาชุมนุม ตั้งจิตอธิฐานขอน้ำฝนเสร็จแล้วก็เคลื่อนขบวนโดยหามเข่งนางแมวนำขบวนไปตามบ้านต่าง พร้อมกับร้องบทเซิ้งนางแมว

ลักษณะของบทเซิ้งนางแมว
             บทเซิ้งนางแมวมีลักษณะเป็นบทร้อยกรอง  เป็นกลอนวรรคละประมาณ คำ ดังตัวอย่างกาพย์เซิ้งแห่นางแมวต่อไปนี้
             "เต้าอีแม่นางแมวมาขอไข่               ขอบ่ได้ขอฟ้าขอฝน
             ขอน้ำมนต์ฮดแมวให้บ้าง                 ขอค่าจ้างหามนางแมวมา
             บ่ได้ปลาเอาหนูกับข้าว          บ่ได้ข้าวเหล้าเด็ดเหล้าโทก็เอา
             แม่เฒ่าเอยอย่าฟ้าวขายลูก                 ข้าวเพิ่นปลูกลูกน้อยเพิ่นแพง
             ตาเว็นแดงฝนเทลงมา                     ตาเว็นต่ำฝนหน่ำลงมา   
             ตาเว็นตกฝนตกลงมา                     ดังเคงเคงท่วมดงมานี่
             แม้นบักเลิกแม้นพ่ออีเลิง                 ฮ่งเบิ่ง ฝนเทลงมา
             ฝนบ่ตกข้าวไฮ่ตายคา                      ฝนบ่ตกกล้าแห้งตายเหมิดแล้ว
             ตกลงมาฝนตกลงมา                      เท่งลงมาฝนเท่งลงมา
             เทลงมาฝนเทลงมา                        กุ๊ก กู๊
             (ฮด = รด  ฟ้าว = รีบ แพง = หวง ตาเว็น = ตะวัน เหมิด = หมด)
            
เซิ้งบั้งไฟ

          การเซิ้งบั้งไฟเป็นพิธีที่ทำในเดือนหก  เป็นการบวงสรวงแด่พญาแถน (ผีหรือเจ้าเป็นใหญ่ในเมืองฟ้า)  เพื่อขอให้ช่วยเหลือบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล  เพื่อไพร่พลเมืองจะได้ทำไร่ไถนาในพิธีชาวบ้านจะแห่บั้งไฟ เซิ้งบั้งไฟ เส็งกลอง และการแข่งขันหัวล้านชนกัน เป็นต้น

ตัวอย่างกาพย์เซิ้งที่ใช้เซิ้งบั้งไฟในวันจุดบั้งไฟ
                   สาวบ้านได๋กระโปรงใหม่ใหม่     ท้ายใหญ่ใหญ่เจ้าอยู่บ้านได๋
          มากับไผจักคนพวกหมู่                       เจ้ามีคู่นอนซ้อนหรือยัง
          เจ้าอย่าบังบอกมาเดออุ่น                      แก้มจุ่มพุ่นบอกพี่โดยดี
          เจ้าอย่ามีความตั๋วความหลอก                 ให้เจ้าบอกตั้งแต่ความจริง
          เจ้าเป็นหญิงวาจาให้เที่ยง                     อย่าได้เลี่ยงไปหน้ามาหลัง
          เจ้ามีหวังกับไผหรือบ่                         พ่อกับแม่พี่น้องทั้งหลาย
          ยังซำบายสู่คนตี้หล่า                          ให้เจ้าว่าบอกพี่โดยดี
          แต่งโตฟรีกระดักกระด้อ                     พี่มาพ้อนึกชอบขอบใจ


                   ขอลาไปก่อนจวนหมดเวลา         ปีสิมาจั่งพ้อกันใหม่
          อวยพรให้เจ้าอยู่สุขขี                          สวัสดีโพยภัยไกลห่าง
          ให้อยู่ท่างอ้วนท้วนสมบูรณ์                  ขอขอบคุณทุกคนทุกหน้า
          พวกผู้ข้านอบน่อมลาไป
          (ไผ     =       ใคร
          หล่า     =       คำที่ใช้แทนผู้ที่พูดด้วยอายุน้อยกว่า
          ตั๋ว       =       โกหก
          ซำบาย  =       สบาย
          จั่งพ้อ   =       ค่อยพบกันใหม่)

กาพย์เซิ้งบั้งไฟ  เมื่อไปเซิ้งตามบ้านเรือน
                   โอเฮาโอพวกเฮามาโอ     ขอเหล้าเด็ดนำป้าจักโอ
          ขอเหล้าโทนำป้าจักถ้วย             หวานจ้อย ต้วยปากหลานชาย
          ตักมาย่ายหลานชายให้คู่            ถ้าบ่คู่ตูข่อยบ่หนี
          ตายเป็นผีสินำมาหลอก             ออกนอกบ้านสิหว่านดินนำ
          ป้าทานแล้วหลานแก้วจะให้พร     เลี้ยงควายด่อนเป็นโตเขาดำ
          เลี้ยงควายดำเป็นโตเขาแก้ว         เลี้ยงใหญ่แล้วคาดไฮไถนา
          (ย่าย = แจก  ให้คู่ = ให้ครบ  ควายด่อน = ควายเผือก  คำ = ทองคำ  ไฮ = ไร่)

เซิ้งพระเวสสันดร

          เซิ้งพระเวสสันดร  เป็นบทเซิ้งที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กล่าวคือทางภาคอีสานจะทำพิธีบุญพระเหวดในบุญเดือนสี่  ในพิธีนี้ชาวบ้านจะมีการแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง  ชาวบ้านจะจัดขบวนแห่เชิญพระเวสสันดรเข้ามาสู่เมือง  คือวัดที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธี  ในเวลาแห่จะมีเครื่องดนตรีประกอบเพื่อความสนุกสนาน  เครื่องดนตรีเหล่านั้นได้แก่  กลองยาว ฉาบ ฉิ่ง หรือโทน
          สิ่งสำคัญของขบวนแห่คือภาพวาดเป็นเรื่องเป็นราวของพระเวสสันดร ซึ่งวาดบนผ้าขาวยาวหลายสิบเมตร  ในขณะที่แห่จะมีบทเซิ้งร้องประกอบด้วย  เนื้อหาของบทเซิ้ง ส่วนใหญ่จะกล่าวถึงเรื่องของพระเวสสันดรอย่างรวบรัด  จะเน้นเฉพาะข้อความที่กล่าวเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรี กัณหา ชาลีกลับเข้าเมืองสีพีราษฎร์  ดังตัวอย่าง
                   เชิญเถิดเวสสันดร
                   ทั้งบังอรแม่มัทรี
                   คืนเมือเมืองสีพี
                   กลับบุรีเป็นราชา
                   ปกครองเหล่าอาณา
                   เชิญเถิดหนาพระลูกเอย
                   เชิญเถิดพระลูกเอ๋ย
                   เมือเสวยโภชนา
                   มากินผลผลา
                   ครองวนาไม่สมควร

บทสู่ขวัญ

ประเพณีการสู่ขวัญ
          การสู่ขวัญเป็นประเพณีที่นิยมในภาคอีสาน  กระทำในโอกาสต่าง เช่น ในงานแต่งงาน เจ็บป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยหาย เมื่อมีการพบญาติมิตรที่พลัดพรากกันไปนาน เวลาและสถานที่ที่เหมาะสม
          ส่วนประกอบของการสู่ขวัญ ต้องมีบายศรี ด้ายผูกแขน พราหมณ์สำหรับทำพิธีกล่าวบทสู่ขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าพิธี

ตัวอย่างบทสู่ขวัญแต่งงาน
          "ศรีศรีสิทธิพระพร  บวรวิเศษ อดุลยเดชเดโช อาวาหวิวาโห มทาชโย มังคลาดิเรก อเนกด้วยราศี  วันนี้แม่นวันดี วันดิถีอุตตมโชค โตกใบนี้แม่นโตกไม้จันทร์ ขันใบนี้แม่นขันไม้แก้วมีทั้งด้ายผูกแขน  มีทั้งแหวนใส่ก้อย  ปัดน้อยสร้อยสังวาล  อาหารหลายเหลือมาก สรพพภาคพร้อมทุกอัน มีทั้งพลูพันและหมากจีบ.บัดนี้ข้อยจักเชิญเอาขวัญผัวเจ้านี้ให้มาเทียมเนื้อมาอยู่เรื้อในถึง  ข้อยจักเชิญเอาขวัญนางงามให้เข้ามาเทียมคู่  ทั้งขวัญเจ้าผู้เป็นผัว มาเน๊อขวัญเอ๊ย ให้เจ้ามาเชยชมขวัญคู่แก้วมีลูกชายให้ได้ผู้ประเสริฐ ให้เจ้าได้ลูกแก้วเกิดร่วมอุทร ให้เจ้าฟังคำสอนตายายพ่อแม่ ใจแผ่กว้าง  พี่น้องวงศา  ตาเบื้องขวาเจ้าอย่าเหลียวดูชาย  ตาเบื้องซ้ายเจ้าอย่าแลหาชู้  เถิงยามแลงให้เจ้าหาพาเข้า เถิงยามเช้าให้เจ้าหาพางาย  อย่าได้นอนหลับหลายตื่นสายผิดฮีต"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น