วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพลงกล่อมเด็ก

เพลงกล่อมเด็ก

          เพลงกล่อมเด็ก  วิวัฒนาการมาจากการเล่านิทานหรือนิยายให้เด็กฟังในเวลานอนเหตุที่ต้องเล่าเป็นเพราะสัญชาตญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่สร้างมาให้มีเพื่อนไม่อาจอยู่ตามลำพังคนเดียวได้  การเล่านิทานให้เด็กฟังในเวลานอนนั้นก็เพื่อให้เด็กอบอุ่นและรู้ว่าตนนอนนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเอาใจทะนุถนอมอยู่ข้าง ด้วย เด็กจะได้รู้สึกอบอุ่นหลับสนิทไปพร้อมกับความสุข
          เพลงกล่อมเด็ก  เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่มีมานาน แบ่งย่อย เป็นหลายประเภท คือ
          เพลงปลอบเด็ก
          เพลงกล่อมเด็ก
          เพลงขู่เด็ก

ความสำคัญของเพลงกล่อมเด็ก
          เพลงกล่อมเด็กเป็นการกล่อมเด็กให้เด็กนอนหลับหรือหายกวนโยเย  ทำให้เด็กเกิดความอบอุ่น อารมณ์หายขุ่นมัวได้ และยังช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยหน่ายของผู้เลี้ยงอีกด้วย

ลักษณะฉันทลักษณ์ของเพลงกล่อมเด็ก
          เพลงกล่อมเด็กมีลักษณะคำประพันธุ์ประเภท ร่าย มีจำนวนคำ -๑๕ คำขึ้นไปมีสัมผัสสร้อยเชื่อมกันไปโดยตลอด  แบบร่ายของทางภาคกลาง  ความยาวของเพลงกล่อมเด็กกำหนดแน่นอนไม่ได้  บางบทสั้นบางบทยาว ขึ้นอยู่กับเนื้อความที่ผู้ร้องจะถ่ายทอดหรือบรรยายออกมา  คำขึ้นต้นของเพลงกล่อมเด็กจะขึ้นโดยใช้คำ "อือ" ขับลำนำก่อน หรือขึ้นต้นด้วยคำว่า  "นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม"  หรือ "นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม่สิก่อม"




เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก
          เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก  แบ่งได้เป็น ประเภท คือ
1.    กล่าวถึงวรรณกรรม หรือนิทานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังตัวอย่าง
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
นอนอู่ไหมแม่ไผบ่ฆ่า
นอนอู่ผ้าบ่มีไผตี
ทิ่มใส่อู่ให้เจ้าอยู่เจ้านอน
ทิ่มใส่หมอนให้เจ้านอนอ้วยซ้วย
เพิ่นมาขายกล้วยซิซื้อให้กิน
อินทราพร้อมเทวดาซูซ่อย
ขอให้ลูกอ่อนน้อยนอนแล้วอยู่สบาย
(อ้วยซ้วย = นิ่ง สงบๆ  ซ่วย = ช่วย  ทิ่ม = ทิ้ง)

2.    เนื้อหาเกี่ยวกับความรักของพ่อแม่มีต่อลูก ดังตัวอย่าง
เอ่อ เออ เอ้อ เออ
นอนสาหล่า  แม่ไปนาเอาปามาต้อน
ให้เจ้านอนอยู่สุขสำบาย
ยุงบ่ให้กายไฮบ่ให้ไก้
ตื่นแล้วสิพาไปเบิ่งหนัง
เอ่อ เออ เอ้อ เออๆๆๆ
(กาย = ใกล้ เบิ่ง = ดู)

     นอนสาหล่า
นอนสาหล่า           หลับตาแม่สิก่อม
ให้เจ้านอนอู่แก้ว      หลับแล้วแม่ซิกวย
เอ้อเออเอ้อ      เออเอ้อ.เออ
(กวย = ไกว  ก่อม = กล่อม)


3.    เนื้อหาที่บันทึกชีวิตความเป็นอยู่ทางสังคม เช่น การประกอบอาชีพ ดังตัวอย่าง
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
อีพ่อหม่อมเขาไปขายไหม
ลงไปไทยขายไหมขายหลอด
ขายไปฮอดเมืองนอกคอกนา
     (ฮอด = ถึง)
อือ หือ อือ อื้อ อือ
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
อ่อ อ่อม อ้อย แมวน้อยสิตอดตา
แม่ไปไฮ่ปิ้งไก่มาหา
แม่ไปนาปิ้งปามาป้อน
แม่ไปเลี้ยงม้อนเก็บมอนมาส่ง
เจ้าอยู่บ้านนอนท่าแม่สิมา
อือ หือ ฮือ ฮือ ฮือ
     (ปา = ปลา  ไฮ่ = ไร่)
              นอนสาหล่า
     นอนสาหล่าหลับตาสามิเยอ        แม่ไปไฮ่หมกไข่มาหา
แม่ไปนาหมกปลามาป้อน               แม่เลี้ยงหม่อนอยู่ป่าสวนมอน
นอนตะแคงอยู่กกไม้เนิ้ง                ฟังเสียงเซิ้งน้าบ่าวเซียงลามาจับอึ่ง
จับอึ่งแล้วเลี้ยงงัวเลี้ยงควาย              ควายตูเสียอีแม่ตูด่า
เต้นเข้าป่าเห็นนกแจนแวน
     (เนิ้ง = เอน)

              นอนสาเด้อหล่า
นอนสาเด้อหล่า                          ท้าวก๋าน่อยอ่อน
ตั้งแต่ญางอ้อนแอ่น                      เดิ๋นเหล่นหยอกกั๋น
คั่นกับจากไฮ่                             แม่กะเอิ้นขวนมา
กับจากนา                                แม่กะเอิ้นขวนเต้า
เอิ้นเอ๋าขวนอึดเข่ามาเฮี้ยนเฮี้ยงฟัง      เอิ้นเอ๋าขวนลูกเต้ามาเข่ายูคิ้ง
คั้นเทียวทงกะถือแดขวนอ๋อน           เทียวทางด๋อนกะถือลมขวนล่ม
(ญาง = เดิน  ยูคิ้ง = อยู่กับตัว  เอิ้น = เรียก  ถืก  = ถูก)

4.    เนื้อหาที่เกี่ยวกับคำสั่งสอน  เป็นการสั่งสอน เช่นการคบเพื่อน การเรียน ดังตัวอย่าง
การคบเพื่อน
              ให้เจ้าฟังคำมารดาทุกเงื่อน
              เจ้าอย่าได้คบเพื่อนคนพาลเกเร
              มันจักเพนิสัยของเจ้า
              คือจังปลาเน่าบายแล้วเหม็นมือ
              (เพ = พัง  บาย = จับ)
             
                   การเรียน
              โอนอลูกเอย          เจ้ายังหนุ่มยังแน่น
              ให้เจ้าแก่นทางเรียน
              ให้เจ้าเพียรศึกษา
              ขุนหาวิชาไว้
         
5.    เนื้อหาเกี่ยวกับประเพณี  เช่น ประเพณีบวชนาค ประเพณีลงข่วง ดังตัวอย่าง
นอนสาอำคาพ่อกล่อม
              เจ้าใหญ่แล้วพ่อให้บวชจำศีล
              ทำบุญหาส่งกุศลนำกัน
              นอนสาหล่าหลับตาอย่าได้แอ่ว
              แนวโตมันทั่งเป็นกำพร้าลุงป้ากะบ่มี
              แม่สิลงเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าบ่าว
              แม่สิหาพ่อน้ามาเลี้ยงให้ใหญ่สูง
              (แอ่ว = กวน  เว้า = พูด, คุย  แนวโต = เชื้อแถว)



          .  เนื้อหาเกี่ยวกับการล้อเลียนเสียดสี เช่น ล้อเลียนนายอำเภอ ความไม่สำรวม
                   ล้อเลียนนายอำเภอ
              นอนสาเด้อหลับตาสาเด้อ
              นายอำเภอตีเบอร์หัวล้าน
              เจ้าบ่ย่านเพิ่นสิมาตอนปี
                   ความไม่สำรวม
              แต่ช้าแต่เขาแห่ยายมา
              นกสักดามันฮ้องจ้อยจ้อย
              เบิ่งจัวน้อยแล่นออกมาจากวัด
              ลมบ้าพัดสบงหลุดจากโต
              โอโอ้โอ หัวจัวโตงเตง
              อีตาเก่งหัวร่อฮ่าฮ่า
              จังถูกครูบาเพิ่นมาไล่ตี
                   นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
              นอนอ้อมล้อมในผ้าแม่สิกวย
              แม่ไปไฮ่หมกไข่มาหา
              แม่ไปนาหมกปามาต้อน
              แม่เลี้ยงม้อนนอนอู่สายไหม
              นอนอู่ไหมสายเดียวโต้นเต้น
              โต้นตีเต้นหมากม่วงกะเสน
              เอาไปเพลเจ้าหัวบ่อยาก
              เอาไปฝากจัวน้อยลักกิน
              (จัวน้อย = เณรน้อย โต = ตัว ต้อน = ฝาก เพล = ถวายพรมื้อกลางวัน)        

          .  เนื้อหาที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
                   ดวงอาทิตย์
              ตาเว็นเอยขึ้นสีแดงแดง
              ฮอดยามแลงส่งแสงชูมื้อ
              ยามมื้อเซ้าตาเว็นเจ้างาม
                   ดวงเดือนดวงดาว
              อีเกิ้งเดือนดาว
              ผู้สาวตำข้าว
              ผู้เถ่าไล่ไก่
              ผู้ใหญ่สีซอ
              บักกอลอแขวนคอควายน้อย
              (กอลอ = ที่แขวนคอควาย)

คุณค่าของเพลงกล่อมเด็ก
          .  เพื่อให้เด็กได้รับความเพลิดเพลินใจ  จิตใจสบาย อบอุ่น ไม่วิตกกังวล  ไม่กวนพ่อแม่ เพราะในเนื้อเพลงได้ใช้คำเรียกลูกด้วยถ้วยคำที่อ่อนโยน  ผูกพัน เช่น ลูกแก้ว ลูกน้อย ทองคำ คำแพง ดังตัวอย่าง
              นอนสาเด้อทองคำลูกแม่                นอนแต่เช้าเจ้าอย่าติงคิง
              นอนจริงจริงหลับตาจ้อยจ้อย            ลูกอ่อนน้อยหลับแล้วแม่ซิกวย
          .  เพื่อกล่อมเกลานิสัยเด็ก ในเนื้อเรื่องจะแทรกการสอนไปด้วย เด็กจะค่อย ซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น
              โอนอลูกเอย                    เจ้ายังหนุ่มยังแน่น
              ให้เจ้าแก่นทางเรียน            ให้เจ้าเพียรศึกษา
              ขนหาวิชาไว้                    ให้เจ้าเก็บเจ้ากำ
              คำเว้าของพ่อแม่                ให้เห็นแก่พี่แก่น้อง
              คนจั่งซิยกย่องสรรเสริญ อือ..ฮือฮือ
1.    สะท้อนให้เห็นสภาพของวัฒนธรรมในสังคมนั้น
1.1                       อาชีพของชาวบ้าน ตัวอย่างเช่น
เจ้าหล้าน้อยได้นอนอู่ทองคำ
                   เขาเอามาจำนำแต่ปางพ่อไปขายช้าง
                   มีทั้งต้างก้องขาดำให้เจ้าใส่
                   ทั้งซิ่นไหมหมี่เอื้อให้นางเอ้บาดใหญ่สูง


1.2                       ประเพณีปรากฎในเพลง  ตัวอย่างเช่น
หลับสาหล้าหลับตาแม่สิกล่อม
     แม่เป็นแม่ฮ้างผัวบ่มีคนหมิ่น
     เฮือนบ่มีพ่อย้าวชาวบ้านเพิ่นหยัน
     บัดนี้แม่สิไปเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าผู้บ่าว
     หลอนเทือได้พ่อน้ามาตุ้มให้ใหญ่สูง
1.3                       ค่านิยมไม่ชอบคนจน ตัวอย่างเช่น
ยามเดือนหกฝนตกกบเขียดฮ้อง
                   โฮมหนองนาพ่อเฒ่าจ่า
                   ฝูงหมู่ปลาดุกเดิดกั้งคะโยงเต้นตื่นแซว
                   อยากให้ลูกได้กินบ่แพ้แล้วบ่มีไผสิไปหาขั่ว
                   สิไปเที่ยวขอพี่น้องชาวบ้านก็บ่ทาน         
                   อยากกินซิ้นบ่มีผู้ไปหา
                   อยากกินปลาบ่มีผู้เอามาฝาก
                   หากสิเที่ยวขอหมู่ชาติเชื้อลุงป้าเพิ่นก็ซัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น