แนวข้อสอบโวหารภาพพจน์
๑. ข้อใดไม่ปรากฏในคำประพันธ์ต่อไปนี้
ใบโพธิ์สุวรรณห้อย รยาบย้อยบรุงรัง
ลมพัดกระดึงดัง เสนาะศัพทอลเวง
เสียงดุจสังคีต อันดึงดีดประโคมเพลง
เพียงเทพบรรเลง รเรื่อยจับระบำถวาย
ก. สัมผัสอักษร ข. การใช้ภาพพจน์
ค. การแสดงนาฏการ ง. การใช้เล่นคำ
๒. จากบทประพันธ์ที่กำหนดให้มีลักษณะเด่นอย่างไร
อดีตแต่นานนิทานหลัง มีนครหนึ่งกว้างสำอางศรี
ชื่อจำบากหลากเลิศประเสริฐดี เจ้าธานียศกิตติ์มหิศรา
ดำรงภพลบเลิศประเสริฐโลกย์ เป็นจอมโจกจุลจักรอัครมหา
อานุภาพปราบเปรื่องกระเดื่องปรา - กฎเดชาเป็นเกษนิเวศเวียง
ก. เล่นเสียงสัมผัสสระ และพยัญชนะ ข. ความเปรียบดีเด่น
ค. เล่นคำ ง. สัมผัสสระเด่น
๓. ข้อใดใช้ภาพพจน์ที่ต่างจากข้ออื่น
ก. สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
ข. ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น
ค. พระปรางค์พราวภาพปั้น ปูนเขียน
ง. สร้อยทองย่องเยื้องชาย เหมือนสายสวาทนาดนวยจร
๔. บทประพันธ์ข้อใดใช้ภาพพจน์แบบบุคคลวัต
ก. สายธารดั่งนาฬิกาแก้ว แว่วแว่วจ๊อกจ๊อกเซาะซอกหิน
ข. พอสบเนตรวนิดามารศรี แรงฤดีดาลเล่ห์เสน่หา
ค. ดังตรลบโลกแล้ ฤาบ่ร่างรู้แพ้ ชนะผู้ใดดาล
ง. ทะเลไม่เคยหลับใหล ใครตอบได้ไหมไฉนจึงตื่น
๕. “หญ้าฝากเกสรดอกหญ้า ไปกับลมช่วยพาผสานผสม
แจ้งข่าวคราวเคลื่อนเยือนชม ช่วยทอพรมคลุมพื้นให้แผ่นดิน
ประเภทของภาพพจน์ข้างต้นคล้ายคลึงกับข้อใด
ก. ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่
ข. เปลวแดดแผดเปลวเต้น ระริกเล่นเน้นทำนอง
ค. ฤาดูดาราระย้าระยับสรวง ดุจดวงเพชรพลอยประเสริฐศรี
ง. ระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา
๖. “พิเศษสารเสกสร้างรังสรรค์สาร ประจงจารฉันทพากย์พริ้งพรายฉาย
เฉกเพชรพรรณเพราะเฉิดเลิศแลลาย ระยับสายสะอิ้งส่องสร้อยกรองทรวง”
กลอนบทนี้ดีเด่นด้านใดเป็นพิเศษ
ก. สัมผัส ข. ฉันทลักษณ์
ค. โครงสร้าง ง. สัญลักษณ์
๗. ข้อใดไม่แสดงจินตภาพการเคลื่อนไหว
ก. อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ ข. บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน
ค. สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา ง. หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
๘. ข้อใดกวีใช้กลวิธีพรรณนาต่างกับข้ออื่น
ก. อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล
ข. กระถินกลิ่นหอมกลบ เช่นน้ำอบสุดามาลย์
ค. ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
ง. กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม
๙. ข้อใดไม่แสดงจินตภาพการเคลื่อนไหว
ก. อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ ข. บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน
ค. สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา ง. หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
อ่านคำประพันธ์ต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ ๑๐-๑๑
(๑) เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน
(๒) ครั้นยามเย็นเห็นเหมือนหนึ่งเมฆพลุ่ง เป็นควันฟุ้งราวกับไฟไกลหนักหนา
(๓) ดูเหย้าเรือนหาเหมือนอย่างไทยไม่ หลังคาใหญ่พื้นเล็กเป็นโรงผี
(๔) เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี
๑๐. ข้อใดใช้ภาพพจน์ชนิดอุปลักษณ์
ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒
ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔
๑๑. ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์ชนิดอุปมา
ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒
ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔
๑๒. ถ้าเราจะพรรณนาความงามธรรมชาติยามเช้า เราจะใช้ลีลาในข้อใด
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สัลลาปังคพิสัย
๑๓. ถ้าต้องการใช้โวหารเปรียบเทียบจะใช้โวหารข้อใด
ก. บรรยายโวหาร ข. อุปมาโวหาร
ค. พรรณนาโวหาร ง. สัญลักษณ์โวหาร
๑๔. “ทุกข์ทั้งนี้ก็มิเท่าถึงทุกข์ พระแม่เจ้าจะกลับเข้ามาแต่ป่า
จะมิได้เห็นหน้าเราพี่น้อง แล้วก็จะทรงกันแสงให้ด้วย
ว่าลูกเพื่อนไร้มาจากอก จะทรงพระปริวิตกไม่วายเลย”
บทประพันธ์นี้กวีใช้ลีลาการประพันธ์ชนิดใด
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สัลลาปังคพิสัย
๑๕. ข้อใดเป็นพรรณนาโวหาร
ก. มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขนกำแพงกั้น
ข. กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
ค. ขอฟุ้งเฟื่องเรื่องวิชาปัญญายง ทั้งพระสงฆ์ทรงศีลขันธ์ในสันดาน
ง. ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจิ้งหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิวหวิวหวาน
มีเฉลยไม่ค่ะ
ตอบลบ